Powered By Blogger

เกี่ยวกับฉัน

วันพฤหัสบดีที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2555

4 สหายพายเป๋าเที่ยว@Dream World

หมายเหตุ
      หากมีเสียงเพลงในBlogรบกวน ให้ไปปิดเพลงก่อน(Stop)ซึ่งอยู่ด้านล่างสุดของBlog


กิจกรรม
หลังจากที่นักเรียนได้ศึกษาวิดีโอเเล้ว อย่าลืมทำเเบบทดสอบท้ายรายการในวิดีโอด้วย
1.GO STRAIGHT           แปลว่า
2.TURN RIGHT               แปลว่า
3.TURN LEFT                 แปลว่า
4.RIGHT SIDE                แปลว่า
5.LEFT SIDE                  แปลว่า
6.BETWEEN                   แปลว่า
7.ACROSS FROM          แปลว่า
8.NEXT TO                     แปลว่า
9.AROUND                      แปลว่า
10.AT THE CORNER    แปลว่า
11.MIRROR                    แปลว่า
12.FIREPLACE              แปลว่า
13.ARMCHAIR               แปลว่า
14.JUG                            แปลว่า
15.LOCK                        แปลว่า
16.IT’S THIS WAY       แปลว่า
17.IT’S THAT WAY     แปลว่า
18.JUNCTION               แปลว่า
19.INTERSECTION     แปลว่า
20.AT THE END OF THE ROAD  แปลว่า

วันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ของขวัญวันวาเลนไทน์ ยอดนิยม

ดอกไม้ ให้ความหมายของการบอกรักได้ดีที่สุด ที่ฮิตสุดเห็นจะเป็น
- กุหลาบแดง หมายถึง ความรักและความปรารถนา เป็นดอกไม้ของกามเทพ เป็นสิ่งนำโชคมาสู่ผู้หญิงที่ได้รับ
- กุหลาบขาว หมายถึง ความมีเสน่ห์ ความบริสุทธิ์ ความเงียบสงบ และนำโชคมาสู่ผู้หญิงที่ได้รับเช่นเดียวกับดอกกุหลาบแดง
- กุหลาบสีชมพู หมายถึง ความรักที่มีความสุขอย่างสมบูรณ์ที่สุด
- กุหลาบสีเหลืองหรือสีส้ม หมายถึง ความรักร้อนแรงและยาวนาน ไม่จืดจาง หวานชื่น และมีความสุข
- กุหลาบตูม หมายถึง ความรักและความเยาว์วัย
- กุหลาบบาน หมายถึง ความรักที่กำลังเบ่งบาน ความอ่อนหวาน สดชื่น
สําหรับคนที่อยากได้อะไรแตกต่างยังมีดอกอื่นๆ อาทิ
- ดอกคาร์เนชั่นสีแดง หมายถึง รักอย่างสุดซึ้ง,
- ดอกลิลลี่สีขาว หมายถึง ความโรแมนติก อ่อนหวานระหว่างคุณและคนรัก,
- ดอกทิวลิปสีแแดง หมายถึง ความรักที่จะร่วมฟันฝ่าไปด้วยกัน
และ
- ดอกไวโอเล็ต ที่แทนความหมายของการให้รักตอบแทน

-ช็อกโกแลต นักจิตวิทยาหลายคนเชื่อว่า ช็อกโกแลตเป็นตัวช่วยเสริมอารมณ์รัก และรสชาติความหวานก็เป็นสิ่งที่แทนความรู้สึกวันแห่งความรักได้อย่างดี และยังมีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่าในช็อกโกแลตมีสารช่วยกระตุ้นสมองโดยออกฤทธิ์คล้าย แอมเฟตามีน เป็นตัวเบิกทางความรู้สึกลึกๆแห่งรักได้ดี
-การ์ด อันนี้เป็นของจําเป็นควบคู่ไปกับดอกไม้ และช็อกโกแลต เลือกตามแบบที่ชอบ เขียนความในใจตามแบบที่อยากให้คนที่ได้รับอ่านแล้วเข้าใจในทันที แถมหาซื้อไม่ยากด้วย
-ตุ๊กตา เป็นสิ่งที่ให้กันได้ทุกเทศกาลอยู่แล้ว แต่พิเศษสําหรับวันแห่งความรักคงต้องเลือกสรรให้น่ารัก น่าประทับใจแทนความหมายได้ทุกอารมณ์แล้วแต่คุณจะหยิบแบบไหน
-เทียนหอม มาแรงในหมู่หนุ่มสาวชาวไทย ที่สื่อได้ทั้งความหมายจากรูปทรงหัวใจ และให้กลิ่นหอมชวนหลงใหลตามแต่ใครจะเลือกได้ถูกใจอีกฝ่ายแค่ไหน
-มื้อค่ำ ขาดไม่ได้เลยสำหรับมื้อพิเศษในวันแห่งความรัก ไม่ว่าจะเป็นสถานที่แบบไหน ในบ้าน ร้านอาหาร หรือริมทะเล แต่ขอให้มีแต่คุณและคนรักไปกันสองคนก็แล้วกัน

วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2555

นโยบายการศึกษา รมต.ดร.สุชาติ

นโยบายการศึกษาจากรัฐบาล
รัฐบาลพรรคเพื่อไทย มีนโยบายด้านการศึกษา "ยึดนักเรียนเป็นศูนย์กลาง" ซึ่งในการพัฒนาการศึกษา จะเน้นปรัชญา “ความเท่าเทียม”และการนำ “เทคโนโลยี” มาใช้ จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน “ที่มีคุณภาพสำหรับเยาวชนทุกคนทุกพื้นที่" และจัดการอุดมศึกษาโดย “ปั้นนักศึกษาไทยให้เป็นมืออาชีพ”


นโยบายรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ
- "จัดการศึกษาที่มีคุณภาพสำหรับเยาวชนทุกคน" เยาวชนจะต้องได้รับการศึกษาที่เท่าเทียบกันในทุกพื้นที่
- “ปั้นนักศึกษาไทยให้เป็นมืออาชีพ”นักศึกษาจบแล้วต้องเป็นมืออาชีพ นักเรียนและนักศึกษาที่เรียนจบแล้วต้องเติบโตเป็นพลเมองที่ทันสมัย มีทักษะหลากหลาย มีความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกได้


จากนโยบายหลักข้างตน ศ.ดร.สุชาติ ยังคงเดินหน้าดำเนินการเรื่อง แจกแทบเล็ต เด็ก ป. 1 และการยุบโรงเรียนเล็กทั่วประเทศ  ผ่านนโยบายการขยายโอกาสทางการศึกษา 4 ด้าน


การขยายโอกาสทางการศึกษา 4 ด้าน
1) โอกาสในการเข้าถึงทรัพยากร สิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อสามารถได้รับการศึกษา อย่างเท่าเทียม ยกตัวอย่าง โครงการ
- โครงการ One Tablet per Child
- สร้างห้องการเรียนรู้ e-Book  e-Learning
- โครงการ e-Educationพลิกโฉมโรงเรียนให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ตลอดชีวิต
-โครงการโรงเรียนในฝัน บริหารจัดการโดยคณะกรรมการโรงเรียน School Board
- โครงการพลังครู พัฒนาศักยภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา แก้ไขปัญหาหนี้สินครู โดยลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส
- โครงการศูนย์การศึกษานานาชาติ
- หนึ่งโรงเรียนหนึ่งพยาบาล เพื่อดูแลเด็กๆ และสามารถสอนหนังสือได้ด้วย
- โรงเรียนตัวอย่างในทุกอำเภอ พัฒนาศักยภาพของโรงเรียนให้เป็นเลิศ โดยใช้ การติดต่อสื่อสารด้วยวิทยาการที่ทันสมัย


2) โอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุน เพื่อให้นักเรียนและ ผปคงไม่ต้องกังวลเรื่องทุนในการศึกษา
- Smart Card เพื่อการศึกษาขั้นพื้นฐาน
- โครงการเรียนก่อนผ่อนทีหลัง
- ทุนการศึกษาสานฝันนักเรียนไทยไปเรียนต่างประเทศ (โครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งทุน)
- กองทุนตั้งตัวได้


3) โอกาสในการเพิ่มพูนและฝึกฝนทักษะ นักเรียนทุกคนสามารถเติบโตได้ในโลกที่เป็นจริงการเรียนรู้บนการทำกิจกรรม (Activity-Based Learning)
- ส่งเสริมอาชีวศึกษา
- ศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (Fix It Center)
- โครงการอัจฉริยะสร้างได้ ให้นักเรียนค้นหาความถนัดของตนเอง ในทุกๆ สาขา
- โครงการ 1 ดนตรี 1 กีฬา 2 ภาษา
- ปรับปรุงหลักสูตร เลิกการท่องจำ ใช้การเรียนรู้


4) โอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิต ส่งเสริมการศึกษานอกระบบ (โดยใช้ห้องสมุดพิพิธภัณฑ์ แกลเลอรี่ ศูนย์วัฒนธรรมต่างๆ)
- โครงการ Internet ตำบล และ Internet หมู่บ้าน (ศูนย์การเรียนรู้ชุมชน)
- สถานที่รวมกลุ่มอย่างสร้างสรรค์แก่เด็กวัยเรียน


เอกสารประกอบข่าว : ST_ED_Speech24Jan12NEW3.pdf


อ้างอิงจาก http://www.enn.co.th

วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2555

โรงเรียนวัดมกุฏกษัตริยาราม



โรงเรียนวัดมกุฏกษัตริยาราม(เวอร์ชันแบบไม่มีเสียง)

โรงเรียนวัดมกุฏกษัตริยาราม(สไลด์รูปภาพ)


วิวัฒนาการการศึกษาไทย

วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2555

วันครูแห่งชาติ

วันครูแห่งชาติ

คำว่า ครูมาจากศัพท์ภาษาสันสกฤต คุรุและภาษาบาลี ครุ, คุรุคือ ผู้ที่มีความสามารถให้คำแนะนำอบรมสั่งและสอน ศิษย์ นักเรียน หรือ นักศึกษา ให้เกิดความรู้ คิด อ่าน เขียน เพื่อให้เกิดประโยชน์มีอาชีพที่ดี รวมถึงการปฏิบัติและแนวทางในการทำงาน เพื่อนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองของสังคมและประเทศชาติ


ประวัติวันครู
วันครูได้จัดให้มีขึ้นครั้งแรก เมื่อ 16 มกราคม พ.ศ. 2500 ซึ่งได้สืบเนื่องมาจากการประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ พ.ศ. 2488 ซึ่งระบุให้มีสภาในกระทรวงศึกษาธิการเรียกว่า คุรุสภาเป็นนิติบุคคลให้ครูทุกคนเป็นสมาชิกคุรุสภา โดยมีหน้าที่ในเรื่องของสถาบันวิชาชีพครู เพื่อส่งเสริมความรู้และความสามัคคีของครู ในปี พ.ศ. 2499 ในที่ประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีและประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภากิตติมศักดิ์ ได้กล่าวคำปราศรัยต่อที่ประชุมครูทั่วประเทศว่าที่อยากเสนอในตอนนี้ก็คือว่า เนื่องจากผู้เป็นครูมีบุญคุณ เป็นผู้ให้แสงสว่างในชีวิตของเราทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่าวันครูควรมี สักวันหนึ่งสำหรับให้บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายได้แสดงความเคารพ สักการะต่อบรรดาครูผู้มีพระคุณทั้งหลาย เพราะเหตุว่าสำหรับ คนทั่วไปถ้าถึงวันตรุษ วันสงกรานต์ เราก็นำเอาอัฐิของผู้มีพระคุณบังเกิดเกล้ามาทำบุญ ทำทาน คนที่สองรองลงไปก็คือครูผู้เสียสละ ทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่าในโอกาสนี้จะขอฝากที่ประชุมไว้ด้วย ลองปรึกษาหารือกันในหลักการ ทุกคนคงจะไม่ขัดข้อง
จากแนวความคิดนี้ กอปรกับความเห็นของครูที่แสดงออกทางสื่อมวลชนและอื่นๆ ล้วนเรียกร้องให้มีวันครูเพื่อให้เป็นวันแห่งการรำลึก ถึงความสำคัญของครูในฐานะที่เป็นผู้เสียสละ ประกอบคุณงามความดี เพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นอันมาก และเพื่อจะได้ประกอบพิธีระลึกถึงคุณบูรพาจารย์ ส่งเสริมสามัคคีธรรมระหว่างครูและเพื่อส่งเสริม ความเข้าใจอันดีระหว่างครูกับประชาชน
การจัดงาน วันครูได้จัดเป็นครั้งแรกเมื่อ 16 มกราคม พ.ศ. 2500 กระทรวงศึกษาธิการสั่งการให้นักเรียนและครูหยุดในวันดังกล่าวได้ ในส่วนกลางใช้สถานที่ของกรีฑาสถานแห่งชาติ เป็นที่จัดงานวันครูนี้ได้กำหนด เป็นหลักการให้มีอนุสรณ์งานวันครูไว้แก่อนุชนรุ่นหลังทุกปี อนุสรณ์ที่สำคัญคือ หนังสือประวัติครู หนังสือที่ระลึกวันครู และสิ่งก่อสร้างเป็นถาวรวัตถุ

คำปฏิญาณ
ข้อ 1 ข้าจะบำเพ็ญตนให้สมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นครู
ข้อ 2 ข้าจะตั้งใจฝึกสอนศิษย์ให้เป็นพลเมืองดีของชาติ
ข้อ 3 ข้าจะรักษาชื่อเสียงของคณะครูและบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม
จากนั้นพระสงฆ์เจริญชัยมงคล แล้วต่อด้วยนายกรัฐมนตรีมอบรางวัลครูดีเด่นประจำปี มอบของที่ระลึกให้ครูอาวุโสนอกและในประจำการ สุดท้ายกล่าวปราศรัยกับคณะครูที่มาประชุม

16 มกราวันนี้วันครู     ท่านเป็นผู้ให้ความรู้ตลอดมา
ครูมีแต่ความหวังดีทุกเวลา     ห่วงว่าศิษย์หลงทำผิดคิดพลาดไป
คอยอบรมสอนสั่งไม่ย่อท้อ     ครูยังพอยิ้มได้และสุขใจ
เมื่อศิษย์ไปได้ดีดั่งหวังไว้     เหน็ดเหนื่อยเพียงไหนใจพร้อมสู้
ครูยืนอยู่เบื้องหลังเป็นกำลังใจ     ความผิดใดที่ศิษย์ได้ทำไว้
โปรดขอครูนี้จงได้ให้อภัย     ไม่ตั้งใจจริงๆสิ่งที่ทำไป
—————————————————-
ประนตน้อมพร้อมจิตลิขิตสาร         ดำริกานท์ก้มเกศพิเศษหมาย
นบบูชาพระคุณครูมิรู้วาย                 ทั้งจิตกายตั้งมั่นกตัญญู
พระคุณที่สั่งสอนทั้งศาสตร์ศิลป์     ให้ศิษย์สิ้นสงสัยให้ความรู้
เกิดปัญญาก้าวหน้าเพราะคำครู       ยังก้องอยู่โสตประสาทมิขาดไป
ตั้งแต่เรียนเขียน ก ทั้งนับเลข         นิทานเสกสอนสั่งสร้างนิสัย
ขัดเกลาจิตศิษย์อยู่ให้รู้วัย              ว่าสิ่งไหนนั้นควรไม่ควรทำ
ในวาระวันครู หนูจะเขียน                ต่างแพเทียนธูปทองอันผ่องล้ำ
สร้อยอักษรล้วนจิตพินิจจำ            
กระแสน้ำพระคุณครูอยู่ชั่วกาล


การจัดงานวันครูอันที่จริงมีมานานแล้ว ตั้งแต่ 16 มกราคม 2500 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21พฤศจิกายน 2499 แต่เริ่มจัดให้มีคำขวัญเกี่ยวกับงานวันครูเมื่อไม่นานมานี้เอง แรกๆก็เป็นคำขวัญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ในฐานะประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภา) ต่อมาก็เป็นคำขวัญของบุคคลทั่วไปที่ส่งเข้าประกวด ซึ่งพอจะรวบรวมได้ดังนี้
พ.ศ. 2522 – การให้การศึกษาแก่คนในชาติ เป็นกระบวนการที่ต้องทำต่อเนื่องกันไปตลอดชีวิต ดังนั้นจึงต้องระดมสรรพกำลังหลาย ๆ ด้านมาช่วยเหลือการศึกษา ปัจจัยที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งที่จะขาดเสียมิได้ก็คือ ครูซึ่งจะเป็นผู้ผลักดันให้ทุกอย่างไปสู่เป้าหมายได้ ฉะนั้นท่านทั้งหลายคงตระหนักถึงหน้าที่อันมีเกียรตินี้ ในโอกาสที่วันสำคัญอย่างยิ่งของครูได้เวียนมาบรรจบครบรอบอีกวาระหนึ่ง ข้าพเจ้าในนามของกระทรวงศึกษาธิการและประธานอำนวยการคุรุสภา ขอส่งความปรารถนาดีและความระลึกถึงเพื่อนครูทุกท่าน ทั้งนอกและในราชการขอจงประสบแต่ความสุขความเจริญโดยทั่วกันและขอได้โปรด ตระหนักถึงหน้าที่ยึดมั่นในขนบธรรมเนียมประเพณีของครูที่ดีสืบไป
โดย นายแพทย์บุญสม มาร์ติน
พ.ศ. 2523 – เป็นครูต้องยึดถือคุณธรรมของครู
โดย ดร.ก่อ สวัสดิ์พาณิชย์
พ.ศ. 2524 – ครูที่แท้ต้องทำแต่ความดี ประพฤติปฏิบัติในระเบียบแบบแผนอันสมควรกับเกียรติภูมิของตน มีความรักในลูกศิษย์ และอบรมปัญญาให้ลูกศิษย์มีความสมบูรณ์ทั้งทางด้าน วิชาการ ความฉลาดรอบรู้ในเหตุและผล ทางด้านคุณธรรม จริยธรรม และทางด้านพลานามัย
โดย ดร.สิปปนนท์ เกตุทัตฃ
พ.ศ. 2525 – ครูนั้น สังคมยกย่องนับถือว่าเป็นปูชนียบุคคล ทั้งนี้เพราะว่าครูเป็นผู้เสียสละ ยึดมั่นในคุณงามความดี และความถูกต้อง จึงขอให้รักษาความดีนี้ตลอดไป
โดย ดร.เกษม ศิริสัมพันธ์
พ.ศ. 2526 – อนาคตของเด็กไทย อยู่ที่ความเอาใจใส่ของครูทุกคน
โดย ดร.เกษม ศิริสัมพันธ์
พ.ศ. 2527 – ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ 2527 ผมขอให้เพื่อนครูที่รักทั้งหลายและสมาชิกคุรุสภาทุกท่าน ประสบความสุขสิริสวัสดิ์พิพัฒน์มงคล สัมฤทธิ์ผลอันพึงปรารถนาตลอด
โดย นายชวน หลีกภัย
พ.ศ. 2528 – การที่บุคคลหนึ่งจะดำรงชีวิตได้อย่างดีนั้นมิใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะผู้เป็นครูมีแนวปฏิบัติที่ยากยิ่ง เป็นสิ่งน่าเห็นใจที่ครูจะต้องปฏิบัติ โดยยึดถือความดีมีคุณธรรมระดับสูงกว่า บุคคลทั่วไป แต่ก็น่าภาคภูมิใจเมื่อครูผู้ปฏิบัตินั้น ได้รับความเชื่อถือ ศรัทธา และยอมรับจากสังคมมากขึ้น จึงขอให้เพื่อนครู ทุกท่านปฏิบัติตนด้วยความเสียสละ อดทน ยึดถือความดี มีคุณธรรมเพื่อจะบังเกิด ผลดีแก่ตนเอง ชุมชน และประเทศชาติสืบไป
โดย ชวน หลีกภัย
พ.ศ. 2529 – ครู คือ ผู้พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีคุณค่าต่อการพัฒนาชาติให้ก้าวหน้า และอยู่รอดปลอดภัย
โดย นายชวน หลีกภัย
พ.ศ. 2530 – ครูดีมีวินัย และคุณธรรม ย่อมน้อมให้เยาวชนเป็นพลเมืองดี
โดย นายมารุต บุญนาค
พ.ศ. 2531 – ครูเป็นผู้สร้าง ครูเป็นผู้ให้ความหวัง ครูเป็นพลังให้ศิษย์เป็นคนดี
โดย นายมารุต บุญนาค
พ.ศ. 2532 – ครูดี มีจรรยา มุ่งค้นคว้าเพื่อพัฒนาเด็กไทย
โดย พลเอกมานะ รัตนโกเศศ
พ.ศ. 2533 – ครูคือผู้อุทิศทั้งชีวิตและจิตใจ ส่งเสริมเพิ่มพูนให้เยาวชนเป็นคนดี
โดย พลเอกมานะ รัตนโกเศศ
พ.ศ. 2534 – ครูคือผู้สร้างสรรค์ให้เยาวชนของชาติเป็นพลเมืองดี
โดย พลเอกมานะ รัตนโกเศศ
พ.ศ. 2535 – ครูคือ ผู้ให้ ผู้สร้าง ผู้พัฒนา และผู้นำเยาวชนของชาติ
โดย ดร.ก่อ สวัสดิ์พาณิชย์
พ.ศ. 2536 – ครูคือนักพัฒนา และรักษาสิ่งแวดล้อม
โดย นายสัมพันธ์ ทองสมัคร
พ.ศ. 2537 – ครูคือ ผู้มีคุณธรรม ชี้นำประชาธิปไตย สร้างเด็กไทยให้เป็นคนดี
โดย นายสัมพันธ์ ทองสมัคร
พ.ศ. 2538 – อุทิศเวลา รักษาคุณธรรม ชี้นำประชาธิปไตย สร้างเด็กไทยให้เป็นคนดี
โดย นายสัมพันธ์ ทองสมัคร
พ.ศ. 2539 – ครู เป็นหัวใจของการพัฒนาคน
โดย นายสุขวิช รังสิตพล
พ.ศ. 2540 – ครูสร้างศิษย์ ด้วยมิตรและนำใจ ครูคือผู้ให้ เพื่อเยาวชนไทยได้พัฒนา
โดย นายสุขวิช รังสิตพล
พ.ศ. 2541 – ครูเป็นผู้นำทางปัญญา ชี้นำประชาธิปไตย สร้างเด็กไทยให้เป็นคนดี
โดย นายชุมพล ศิลปอาชา
พ.ศ. 2542 – ครูเป็นผู้เบิกทางแห่งปัญญา เจ้าของคำขวัญ นายปัญจะ เกสรทอง ครูชี้ทางสร้างสรรค์ภูมิปัญญา ชนเชิดบูชาพระคุณครู
โดย นางเซียมเกียว แซ่เล้า
พ.ศ. 2543 – ครูต้องมีจิตวิญญาณของความเป็นครู และประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี เจ้าของคำขวัญ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล สร้างชาติ สร้างคน ผลงานของครู ทั่วโลกรับรู้ เชิดชูบูชา
โดย นายประจักษ์ เสตเตมิ
พ.ศ. 2544 – พระคุณครูยิ่งใหญ่ สร้างไทยให้พัฒนา ขอบูชาคุณครู
โดย นางสาวสุทิสา ธนบดีไพบูลย์
พ.ศ. 2545 – สร้างคนสร้างชาติ สร้างศาสตร์ก้าวหน้า สร้างภูมิปัญญา ขอบูชาครู
โดย นายสุเทพ วิเศษศักดิ์ศรี
พ.ศ. 2546 – ครูให้ความรู้ ควบคู่จรรยา ปวงชนทั่วหล้า น้อมบูชาครู
โดย นางสมปอง สายจันทร์
พ.ศ. 2547 – ครูคือพลังสร้างแผ่นดิน ไทยทุกถิ่นน้อมบูชาพระคุณครู
โดย นางสาวพรทิพย์ ศุภกา
พ.ศ. 2548 – ครูสร้างคนสร้างชาติด้วยศาสตร์ศิลป์ ทั่วแผ่นศรัทธาบุชาครู
โดย นายประจักษ์ หัวใจเพชร
พ.ศ. 2549 – ครูดีเป็นศรัแผ่นดิน ศิษย์ทั่วถิ่นศรัทธาบูชาครู
โดย นางพรรณา คงสง
พ.ศ. 2550 – สิบหกมกรา เทิดทูน พ่อแผ่นดิน ภูมินทร์บรมครู ปี
โดย นางสาวศันสนีย์ แสนโรจน์
พ.ศ. 2551 – ครูของแผ่นดินเลิศศิลป์ศาสตร์ มหาราชภูมิพลฯ ชนบูชา
โดย นางพงษ์จันทร์ สุขเกษม
พ.ศ. 2552 – ครูสร้างคนดี เป็นศรีแผ่นดิน ทั่วถิ่นศรัทธา บูชาคุณครูของ
โดย นางนฤมล จันทะรัตน์ จากจังหวัดกาฬสินธุ์
พ.ศ. 2553 – น้อมจิตวันทา บูชาคุณครู กตัญญูกตเวที
โดย นายกันทา วงศ์จันทร์ทิพย์ จังหวัดลำพูน
พ.ศ. 2554 – เทิดพระเกียรติทั่วหล้า บูชาครูของแผ่นดิน ภูมินทร์ภูมิพล

ข้อมูลประเทศที่มีวันครู
ประเทศที่มีวันครูที่ไม่ใช่วันหยุด
- อินเดีย วันครู ตรงกับวันที่ 5 กันยายน
-
มาเลเซีย วันครู ตรงกับวันที่ 16 พฤษภาคม
-
ตุรกี วันครู ตรงกับวันที่ 24 พฤศจิกายน
ประเทศที่มีวันครูเป็นวันหยุด
- แอลเบเนีย วันครู ตรงกับวันที่ 7 มีนาคม
-
จีน วันครู ตรงกับวันที่ 10 กันยายน
-
สาธารณรัฐเช็ก วันครู ตรงกับวันที่ 28 มีนาคม
-
อิหร่าน วันครู ตรงกับวันที่ 2 พฤษภาคม
-
ละตินอเมริกา วันครู ตรงกับวันที่ 11 กันยายน
-
โปแลนด์ วันครู ตรงกับวันที่ 14 ตุลาคม
-
รัสเซีย วันครู ตรงกับวันที่ 5 ตุลาคม
-
สิงคโปร์ วันครู ตรงกับวันที่ 1 กันยายน
-
สโลวีเนีย วันครู ตรงกับวันที่ 28 มีนาคม
-
เกาหลีใต้ วันครู ตรงกับวันที่ 15 พฤษภาคม
-
ไต้หวัน วันครู ตรงกับวันที่ 28 กันยายน
-
ไทย วันครู ตรงกับวันที่ 16 มกราคม
-
สหรัฐอเมริกา วันอังคารในสัปดาห์แรกที่เต็ม 7 วันในเดือนพฤษภาคม
-
เวียดนาม วันครู ตรงกับวันที่ 20
พฤศจิกายน

วันเสาร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2555

วันเด็กแห่งชาติ

วันเด็กแห่งชาติ ปี 2555


ใกล้วันสำคัญ สำหรับน้องๆ หนู ๆ กันอีกครั้งนะคะ กับวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2555  ซึ่งในปีนี้ ฯพณฯท่าน นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์  ชินวัตร ได้มอบคำขวัญวันเด็กให้น้องๆ  ดังนี้
“สามัคคี มีความรู้คู่ปัญญา คงรักษาความเป็นไทย ใส่ใจเทคโนโลยี”
 UploadImage

หลายคนอาจจะอยากย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง  เพราะเมื่อถึงวันเด็กทีไร ก็จะมีอะไรสนุกๆ กิจกรรมมากมายให้เราไปเที่ยวชม และเข้าร่วม ไม่ว่าจะเป็น การเยี่ยมชมรัฐสภา และห้องทำงานนายก  การเข้าชมสถานที่ราชการต่างๆ ที่จะเปิดให้ชมเฉพาะวันเด็กเท่านั้น ฯลฯ  และที่สำคัญคือ ขนม และของเล่นมากมายที่เราจะมีโอกาสได้อย่างไม่จำกัดในวันเด็ก  ^ ___^
 

UploadImage

ส่วนที่มาของวันเด็ก มีใครพอจะทราบบ้างค่ะ ว่าประเทศไทยเรา เริ่มจัดงานวันเด็ก ตั้งแต่เมื่อไหร่  มีที่มาอย่างไร  และจัดขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ใด  ใครยังไม่ทราบ เราไปศึกษาพร้อมๆกันเลยค่ะ


จากข้อมูลของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรมระบุว่า มีต้นกำเนิดมาจากการที่สหประชาชาติทั่วโลกเกิดความตื่นตัว และเห็นพ้องต้องกันว่าควรจะให้ความสำคัญแก่เด็กๆ ปี พ.ศ.2498 นายวี เอ็ม กุล ผู้แทนองค์การสหพันธ์เพื่อสวัสดิการเด็กระหว่างประเทศ เสนอต่อกรมประชาสงเคราะห์ให้จัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้นเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้เห็นความสำคัญและความต้องการของเด็ก

          ในปีเดียวกันทั่วโลกไม่น้อยกว่า 40 ประเทศจัดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติของตนขึ้น โดยได้มีการกำหนดว่าจะถือเอาวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมของทุกปี เป็นวันเด็กแห่งชาติ

          สำหรับประเทศไทย กรมประชาสงเคราะห์กระทรวงมหาดไทย เห็นควรจัดงานเฉลิมฉลองวันเด็กแห่งชาติ รัฐบาลจึงได้จัดให้มีคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้นมาคณะหนึ่ง ทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และเอกชนกำหนดให้มีการฉลองวันเด็กแห่งชาติทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
          งานวันเด็กแห่งชาติครั้งแรกของประเทศไทย จัดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ.2498จากนั้นเป็นต้นมา ราชการได้กำหนดให้วันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมของทุกปีเป็นวันเด็กแห่งชาติ โดยจัดต่อเนื่องกันมาจนถึงปี 2506 ที่ประชุมคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติในปีนั้น ได้มีความเห็นตรงกันว่า สมควรเสนอเปลี่ยนวันจัดงานวันเด็กแห่งชาติใหม่ ด้วยเหตุผลว่า เดือนตุลาคมสำหรับประเทศไทยเป็นเดือนที่ยังอยู่ในฤดูฝน มีฝนตกมาก เด็กๆไม่สะดวกในการเดินทางมาร่วมงาน นอกจากนี้วันจันทร์เป็นวันปฏิบัติงานของผู้ปกครอง จึงไม่สามารถพาเด็กของตนไปร่วมงานได้
          ด้วยเหตุนี้ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเห็นชอบในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2507 เปลี่ยนเป็นวันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคม ที่มีความเหมาะสมและสะดวกมากกว่า ส่งผลให้ในปี 2507ไม่มีงานวันเด็กแห่งชาติด้วยการประกาศเปลี่ยนได้เลยวันมาแล้ว งานวันเด็กแห่งชาติจึงเริ่มจัดขึ้นใหม่อีกครั้งในปี 2508 เรื่อยมาถึงปัจจุบัน
          ส่วนเรื่องคำขวัญในวันเด็กแห่งชาตินั้นเป็นคำขวัญที่นายกรัฐมนตรีมอบให้เด็กไทยเนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติของทุกปี โดยคำขวัญวันเด็กมีขึ้นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ.2499 ในสมัยที่จอมพล ป. พิบูลสงคราม ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และตั้งแต่ พ.ศ.2502 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ให้คุณค่าความสำคัญของเด็ก จึงมอบคำขวัญให้เป็นข้อคติเตือนใจสำหรับเด็กปีละ 1คำขวัญ (ก่อนถึงวันเด็กแห่งชาติ) นายกรัฐมนตรีสมัยต่อมาจึงได้ถือเป็นธรรมเนียมสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบันเป็นปีที่ 56 แล้ว

         
เริ่มจาก จอมพล ป. พิบูลสงคราม
          พ.ศ.2499 "จงบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและส่วนรวม"
          จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์พ.ศ.2502 "ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้าจงเป็นเด็กที่รักความก้าวหน้า"
          พ.ศ.2503 "ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้าจงเป็นเด็กที่รักความสะอาด"
          พ.ศ.2504 "ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้าจงเป็นเด็กที่อยู่ในระเบียบวินัย"
          พ.ศ.2505 "ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้าจงเป็นเด็กที่ประหยัด"
          พ.ศ.2506 "ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้าจงเป็นเด็กที่มีความขยันหมั่นเพียรมากที่สุด"

          อมพลถนอม กิตติขจร
          รพ.ศ.2507 "ไม่มีคำขวัญ เนื่องจากงดการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ"
          พ.ศ.2508 "เด็กจะเจริญต้องรักเรียนเพียรทำดี"พ.ศ.2509 "เด็กที่ดีต้องมีสัมมาคารวะ มานะบากบั่น และสมานสามัคคี"
          พ.ศ.2510 "อนาคตของชาติจะสุกใส หากเด็กไทยแข็งแรงดีมีความประพฤติเรียบร้อย"
          พ.ศ.2511 "ความเจริญและความมั่นคงของชาติไทยในอนาคต ขึ้นอยู่กับเด็กที่มีวินัย เฉลียวฉลาดและรักชาติยิ่ง"
          พ.ศ.2512 "รู้เรียน รู้เล่น รู้สามัคคี เป็นความดีที่เด็กพึงจำ"
          พ.ศ.2513 "เด็กประพฤติดีและศึกษาดี ทำให้มีอนาคตแจ่มใส"
          พ.ศ.2514 "ยามเด็กจงหมั่นเรียน เพียรกระทำดี เติบใหญ่จะได้มีความสุขความเจริญ"
          พ.ศ.2515 "เยาวชนฝึกตนดี มีความสามารถ"พ.ศ.2516 "เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ"

          นายสัญญา ธรรมศักดิ์
          พ.ศ.2517 "สามัคคีคือพลัง"
          พ.ศ.2518 "เด็กดีคือทายาทของชาติไทย ต้องร่วมใจร่วมพลังสร้างความสามัคคี"
          หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช
          พ.ศ.2519 "เด็กที่ต้องการเห็นอนาคตของชาติรุ่งเรือง จะต้องทำตัวให้ดี มีวินัย เสียแต่บัดนี้"

          นายธานินทร์ กรัยวิเชียร
          พ.ศ.2520 "รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเยาวชนไทย"

          พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์
          พ.ศ.2521 "เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติมั่นคง"
          พ.ศ.2522 "เด็กไทยคือหัวใจของชาติ"พ.ศ.2523 "อดทน ขยัน ประหยัด เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย"

          พลเอกเปรม ติณสูลานนท์
          พ.ศ.2524 "เด็กไทยมีวินัย ใจสัตย์ซื่อ รู้ประหยัด เคร่งครัดคุณธรรม"
          พ.ศ.2525 "ขยันศึกษา ใฝ่หาความรู้ เชิดชูชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย"
          พ.ศ.2526 "รู้หน้าที่ ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัดมีวินัยและคุณธรรม"
          พ.ศ.2527 "รักวัฒนธรรมไทย ใฝ่ดีมีความคิดสุจริตใจมั่น หมั่นศึกษา"
          พ.ศ.2528 "สามัคคี นิยมไทย มีวินัย ใฝ่คุณธรรม"
          พ.ศ.2529 "นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัดใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม"
          พ.ศ.2530 "นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัดใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม"
          พ.ศ.2531 "นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัดใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม"

          พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ
          พ.ศ.2532 "รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม"
          พ.ศ.2533 "รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม"
          พ.ศ.2534 "รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่คุณธรรม นำชาติพัฒนา"

          นายอานันท์ ปันยารชุน
          พ.ศ.2535 "สามัคคี มีวินัย ใฝ่ศึกษาจรรยางาม"

          นายชวน หลีกภัย
          พ.ศ.2536 "ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม"
          พ.ศ.2537 "ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม"
          พ.ศ.2538 "สืบสานวัฒนธรรมไทย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม"

          นายบรรหาร ศิลปอาชา
          พ.ศ.2539 "มุ่งหาความรู้ เชิดชูความเป็นไทย หลีกไกลยาเสพติด"

          พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ
          พ.ศ.2540 "รู้คุณค่าวัฒนธรรมไทย ตั้งใจใฝ่ศึกษา ไม่พึ่งพายาเสพติด"

          นายชวน หลีกภัย
          พ.ศ.2541 "ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย"
          พ.ศ.2542 "ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย"
          พ.ศ.2543 "มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรมนำประชาธิปไตย"
          พ.ศ.2544 "มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรมนำประชาธิปไตย"

          พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
          พ.ศ.2545 "เรียนให้สนุก เล่นให้มีความรู้สู่อนาคตที่สดใส"
          พ.ศ.2546 "เรียนรู้ตลอดชีวิต คิดอย่างสร้างสรรค์ ก้าวทันเทคโนโลยี"
          พ.ศ.2547 "รักชาติ รักพ่อแม่ รักเรียนรักสิ่งดีๆ อนาคตดีแน่นอน"
          พ.ศ.2548 "เด็กรุ่นใหม่ ต้องขยันอ่านขยันเรียน กล้าคิด กล้าพูด"
          พ.ศ.2549 "อยากฉลาด ต้องขยันอ่านขยันคิด"

          พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์
          พ.ศ.2550 "มีคุณธรรมนำใจ ใช้ชีวิตพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข"
          พ.ศ.2551 "สามัคคี มีวินัย ใฝ่เรียนรู้เชิดชูคุณธรรม"

          นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
          พ.ศ.2552 "ฉลาดคิด จิตบริสุทธิ์ จุดประกายฝัน ผูกพันรักสามัคคี"
          พ.ศ.2553 "คิดสร้างสรรค์ ขยันใฝ่รู้ เชิดชูคุณธรรม"
          พ.ศ.2554 "รอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ"

          น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
          พ.ศ.2555 "สามัคคี มีความรู้คู่ปัญญาคงรักษาความเป็นไทย  ใส่ใจเทคโนโลยี"

สำหรับผู้ใหญ่หลายๆท่านที่ผ่านพ้นวัยเด็กกันมานานแล้ว ... ถึงเวลาที่จะมอบและถ่ายทอดสิ่งๆดีให้กับเด็กกันบ้าง อย่าให้เพียงแต่ขนม ของเล่น หรือของรางวัล  ผู้ใหญ่ที่ดี ควรจะให้คำแนะนำ ให้ความรู้ ความใส่ใจ และความอบอุ่นแก่เด็กๆด้วยคะ เริ่มได้จากเด็กๆรอบตัวคุณค่ะ เพราะเด็กในวันนี้ คือผู้ใหญ่ในวันหน้า อยากให้อนาคตเป็นอย่างไร เราต้องเริ่มจากเด็กๆในวันนี้นะคะ 

วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2555

ทำไมเด็กไทยเบื่อเรียนในประเทศตัวเอง (จากข้อคิดและความจริง)




ถ้าจะอ่าน ขอให้อ่านให้จบครับ ถ้าอ่านไม่จบไม่ต้องอ่านเลยครับ

-ครูปัญญานิ่ม เร่งงาน เร่งสอบ เร่งมันทุกเรื่อง

-ครูปาก(ห)มา และ ปากมากโคตรๆ บ่นมันทั้งคาบ พอเจอสอบเด็กทำไม่เป็นเซ็งจิตไปจนวันตาย

-งานเยอะ ไทยติดอันดับการเรียนยอดแย่ เพราะ งาน โครงงาน การบ้าน รายงาน โปรเจค เยอะโคตรๆ

-เรียนหนักเว่อร์ ต่างชาติ 3 วันเรียน 2 วันออกกำลังกาย (เฉลี่ย / ไม่ใช่เล่นรักบี้ทั้งวัน) ไทย 5 วันเรียน 2 วันเรียนพิเศษ // ต่างชาติ เข้ามหาลัยไหนก็ได้ ข้อสอบวัด EQ ไม่เน้น IQ เพราะ ไปเรียน IQ ในมหาลัย ไทย เข้ามหายลัยดังๆเท่านั้น วัดแม่งแต่ IQ ข้อสอบวัด EQออกแมาแบบ ปัญญาอ่อนโคตรๆๆๆ หัวโบราณรุ่นพระเจ้าเหาออกข้อสอบด้วยตัวเอง ขนาดเหามันยังทำไม่ได้

-เรียน 5 วัน วิชา พละ เสรือกมีคาบเดียว อันนี้ส่วนใหญ่ทุก รร. เด็กก็ " *** เครียดโว้ย" ไปตามเคย
คอมพิวเตอร์ ก็ เสรือก มีคาบเดียวอีกเหมือนกัน (นี่คือเหตุผลที่ทำให้ เด็กไทยตัวเล็ก (เฉลี่ย) ลงทุกวี่ทุกวัน

-แบ่งระดับ แบ่งชนชั้น แบ่งความฉลาด ความหล่อ ความสวย ETC แบ่งกันอยู่นั่น เด็กเก่งแมร่งได้อยู่แต่ห้อง King กับเพื่อนสุดเก่งทั้งห้อง ห้อง ขี้ลิง เด็กกากก็อยู่กับกาก ยังงี้ใครมันจะไปเก่งขึ้นวะ / / (เรื่องจริง) ต่างชาติคละรวม สมมติ มี นร. 40 คน (มาตรฐานไม่เคยเกิน 45คน เกือบทุก รร. USA) 10 คน ฉลาดโพดๆ 20 คน ฉลาดแบบปานกลาง 10 คนโง่ขั้นเทพเรียกพ่อ ถ้านักเรียนสอบตก อาจารย์สอนโดนหักเงินเดือน + ห้องโดนตัดคะแนนทั้งห้อง (แย่โพดๆ) ดังนั้นมันจึงรวมหัวกันอ่านหนังสือ+วางแผนโกงข้อสอบขั้นเทพ

-ครูใหม่โดนตำหนิ โดนอิจฉา โดนบังคับสอนห้องบ๊วย ไปหาดูได้เลย ครูใหม่ส่วนใหญ่โดนด่าก่อนใคร ไม่รู้เป็น *** นอะไร ครูหน้าย่นทำผิดเหมือนกัน ไม่โดนดด่า ครูใหม่ทำไรหน่อยโดนกดดัน โดนแบน โดนด่า โดนตัดเงินเดือน อย่างงี้ใครจะไปมี อารมณ์สอนเด็กวะ หน้าตาดีเกินไปยังโดนด่า ไม่รู้ *** นอะไรนักหนา

-กระทรวงศึกษาธิกรรมกร ออกกฎหมายขั้นเทพ เด็กไทยต้องหัวเกรียน! ไม่รู้เควี่ยอะไรนักหนา หัวเกรียน+เขียว มันจะฉลาดขึ้นเหรอ ควายผมยังยาวกว่ากรูอีกไอ *** น / / เคยมี นายแพทย์ และ นักวิชาการ หัวใหม่จาก ทั้งในแนะนอก ยื่นคำร้องต่อ กระทรวงศึกษาธิกรรมกร ว่า ทำไมจึงต้องให้ เด็กไทยหัวเกรียน (ไม่นับ ร.ด.)

-เขากล่าวว่า นี่เป็นการ ก้าวก่ายสิทธิอันพึงได้ของมนุษย์ ว่าด้วยการใช้อำนาจและกฎเกณฑ์ เข้าข่มเหง (ซึ่งมันเป็นเรื่องจริง ตามรัฐธรรมนูญทุกสมัย+กฎหมายโลก) นักวิชาการร่ายมาเป็นข้อๆอย่างมีหลักการ ทำเอาเด็กไทยเกือบจะดีใจว่า *** รอดแล้ว แต่! กระทรวงกรรมกรแห่งชาติออกมาตอบกลับง่ายๆว่า " สั้น ง่าย สะดวก สะอาด " (<<--โคตรเกย์!) นักวิชาการระดับ ป. เอก ถึงกับ อึ้ง อุนจิแตกทันที นี่น่ะเหรอ คนที่มีความรู้เขาพูดกัน ไอ *** นเอ๊ย!
  
-แจกชีท รร. ไทยไม่รู้ จะปล่อย *** นอะไรนักหนา ชอบ ซีรอคชีท เครื่อง ซีรอคนี่ขายดิบขายดีในไทยจริงๆ มีอะไร ซีรอค เอาครับ ไม่พอ ใช้กระดาษ รีไซเคิล อีก ซากๆ กากๆ คากๆ ถุยๆ เรียนเสร็จเอาไปเช็ดตรูดสบายใจเฉิบกันเลยทีเดียว ไอเราก็ไม่เข้าใจ แทนที่จะ ทำเป็นเล่ม + กระดาษขาว แล้วขายให้เด็กทีเดียว จะได้เก็บเป็นที่เป็นทาง ดันมาเก็บทีละ 5 บาท 10 บาท แล้วบอกรอรวมแล้วเย็บเล่ม ไอ *** น! ทำหายหน้าเดียว อาจารย์ แมร่งไม่รับตรวจไอเควี่ยเอ๊ย

-ลอกการบ้าน จากหัวข้อแรกๆ การบ้าน งานเงิน เยอะเว่อร์ๆๆๆๆๆ+++ๆๆๆๆ สุดท้าย *** ทำไม่ไหว (ไม่ใช่ทำไม่ได้นะ) ขอลอกดีกว่า สมัยนี้มีจัดตั้งชมรม ลอกการบ้านกันตรึมสนั่น FaceBook Google+ Twitter ทำงานกันเป็น *** ส่วน ใครทำหน้าไหน ทำวิชาอะไร สุดท้ายสแกนลงคอม แจกจ่ายยังกับถุงยังชีพช่วยน้ำท่วม ไม่ใช่ห้องเดียวด้วย! แมร่งลอกกันทั้ง รร.! (นี่ไม่ได้ด่านะ ดีแล้วหนูๆ เข้าใจระบบการศึกษาไทยซะ)

-เนื้อหาเรียนเยอะชิ(บ)หาย ทั้งประวัติศาสตร์ ทั้งไทยทั้งต่างประเทศ บาง รร.มันยังมี นอกโลกอีกตั่งหาก สุดท้ายเรียนจบแต่ตรูยังจำชื่อเมืองหลวง ประเทศตัวเองไม่ได้ โทษการจัดระบบและเรียงเนื้อหาของไทย (บางอย่างควรไปเรียนใน มหาลัย แทน)

-รายงาน กระดาษปริ้นมหาประลัย นี่เลยครับพี่น้องชนชาติชาวไทยและต่างประเทศ ไอที่โลกร้อนไม่ใช่อะไร รายงานประเทศไทยครับ มันปริ้นกันเป็นว่าเล่น มีอะไรคิดไม่ออก รายงาน! คิดไม่ออกอีกทีสั่งรายงาน! 10 หน้า 15 หน้า ไม่ใช่!ครับ มันล่อไป โน่น 40-100 หน้า สุดท้ายเป็นยังไง? อ่านไหม? ไม่อ่านครับ ใครมันจะไปมีพลังซูเปอร์ไซย่ามากขนาดนั้น

-สมมุตินะสมุติ ถ้า... รายงาน 20 หน้า / นักเรียนห้องนึง( 40 คน ) / 1 ห้องเป็นเท่าไหร่? 800 หน้าครับ ชั้นนึงมีกี่ห้องครับ ตีให้ครับ ให้5 ห้องพอครับ 5*800 ครับ เท่าไหร่ครับ = 4000 หน้าครับ เบจิต้ากับโงกุนร่วมร่างกันมันยังอ่านไม่หมดเลยครับ สุดท้ายทำไง? นับหน้าครับ+ความสวยงามของปกครับ แค่นี้แหละครับ ใครขาวดำ(ลดโลกร้อน) ได้ C- ครับ ใครชอบผลาญทรัพยากร (หน้าปกสีสดเว่อร์) เอาไปเลย A+++++++ ครับ ตอนจบทำไงครับ โยนเข้ากองครับ สุดท้ายเอาไปทิ้ง ไม่ก็เอาไปเผาผลาญ+พับกระดาษ+ทำสแตนท์เชียร์ครับ หมึกที่เสียไปล่ะครับ เอาไปรวมกันนี่ยิ่งกว่า 2012 น้ำท่วมโลกครับ

-เพิ่มให้ครับ เรื่อง ของการเข้าแถวครับ (จาก คอมเม้นนะครับ ขอบคุณมากครับ) ใช่เลยครับ รร. ในไทยนั้น ต้องการให้เด็กไทยเข้าแถวครับ ส่วนใญ่จะเป็นเฉพาะ รร. รัฐบาลครับ ไม่รู้เป็นอะไรต้องให้เด็ก เข้าแถวตากแดด ตากผน ตากลม ขี้ฝุ่น แบคทีเกรียน* ต่างๆนาๆ ว่ากันว่า เพื่อให้มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน สามัคคีกัน รักชาติ ศาส กษัตริย์ ครับ อันนี้ขอแย้งครับ เด็กเอกชน เขายังรัก ในหลวง รักชาติ รักศาสนามากกว่า เด็กรัฐบาลเลยนะครับ คงเพราะ สบายกว่า (lol) เห็นเข้าแถวมันยังโดดต่อยกันสนุกสนานเลยครับ บ้างก็เล่นมือถือ บ้างก็คุยไฟแล่บ บางคนมันยังคุยกับอาจารย์เฝ้าแถวเลย นอกนั้นก็ทนฟัง ผอ. อาจารย์ร็อคหน้าย่น มาบ่นทุกวี่ทุกวันครับ เสร็จแล้วกลับห้องครับ ถามหน่อย? ได้ฟังไหม? คำตอบคือ ไม่ ครับ อะไร!?มันบ่นอะไรม่รู้ครับ

-ต่อจากข้อก่อนหน้านี้ครับ อาจารย์โคตระ 2 มาตรฐานชาวไทยเลยครับ เด็กตากแดด เห็นเด็กบางคนไปแอบนั่งหลบแดด (กำลังจะตาย) บ่นใหญ่เลย ไม่มีความอดทน ลูกผู้ชาย ลูกผู้หญิง ไหม เสร็จแล้วยังไง? สั่งลงโทษให้ยืนครับ คิดว่าจะให้เด็กหน้าแตกครับ ไม่ใช่เลยครับ เด็กคนอื่นมันจะขึ้นมาโดด Side Kick หน้าอาจารย์อยู่แล้วครับ เพราะอะไรน่ะเหรอครับ? ไอตอนบ่นพี่แก ยืนอยู่ไหนครับ? ยืนใต้ต้นไม้ครับ! แล้วเสรือกบ่นทำเหาอะไรครับ แน่จริงมานั่งกับตรูสิครับ

-จดงาน จดหนังสือ จดลายแทง จดแมร่งทุกอย่างครับ อาจารย์หลายๆท่านสมัยนี้ หิ้ว Notebook ไปมา เสียบสายต่อจอ แล้วสอนครับ เนื้อหามาจากไหนรู้ไหมครับ? มาจากหนังสือครับ! แล้วยังไงครับ นักเรียนมีไหมครับ? คำตอบคือ มีทุกคนครับ! แล้วยังไงต่อครับ? พี่แก สั่งให้จดครับ! งงดิครับ แล้วกระผมจะมีตำราไปทำเป็นโล่พระแสงอะไรครับ! ให้จดไม่ใช้เน้นที่สำคัญนะครับ! จดแม่งเกือบทั้งเล่มครับ ให้ *** นร้อง กุ๊กๆ ได้ มันถึงจะจบเล่มครับพี่น้อง! แล้วไงต่อครับ? ไม่จด จดไม่ทันทำไงครับ? ไม่สนใจครับ ด่าอีกต่างหาก จดช้าจังวะ พ่อเป็นหอยทากเหรอ แค่นี้เมื่อยเหรอ? นี่ครับคนเราเสียดสีกันลงคอครับ พ่อง!คุณเหรอครับ มือเป็นตอร์ปิโด จดทันที่พูด! พอถามให้จดทำไม? ตอบกลับมาครับ! จะได้ให้จำครับ! โหมันกล้านะครับ กรูยังไม่มีเวลาประมวลผลเลยคุณมรึงร่ายต่อเลยครับ! แล้วจะไปเจริญได้ยังไงครับทีนี้!


หมดล่ะครับ คิดไม่ออกนี่จากใจจริงเลยครับพี่น้อง พอดีเห็นการศึกษาไทยแล้วปวดตับครับ ไม่ไหวแล้วครับ เป็นตัวแทนของเด็กไทยหัวเกรียนๆทั้งหลายครับ (แต่จบระดับหัวเกรียนแล้วครับ)

อ่านเสร็จแล้วไปล้างหน้าล้างตา ให้สดชื่อค่อยกลับมาเล่นคอมต่อนะครับ 

(การอ้างอิงบางส่วน ไม่ได้หมายถึงทุกคนนะครับ ใครดีก็ดีไปครับ ใครเลวก็เรื่องของมันครับ)

ถึงท่านที่เข้ามาอ่าน สิ่งที่ผมกล่าวถึงนั้น ไม่ได้เหมารวม หรือ ระบุที่ใดที่หนึ่งบนโลกนี้นะครับ ดังนั้นอย่าร้อนตัวครับ ถ้าท่านดีจริงคนก็รักครับ ถ้าท่านไม่ดีคนก็เกลียดครับ มันเป็นไปตาม ธรรมชาติครับ
  
ศึกษาเพิ่มเตมได้ที่ http://www.ichat.in.th/RAZHACK/topic-readid76455-page1